วันนี้ Reed by four man จะพาคุณผู้อ่านไปพบกับพืช (เกือบ) ต้องห้ามในปัจจุบันนี้ หากพูดถึงกัญชง (hemp) เมื่อ 10 ปีที่เเล้ว หลายคงคงนึกถึงพืชที่ผิดกฏหมายชนิดหนึ่ง ที่ห้ามเเม้เเต่มีเมล็ดไว้ในการครอบครอง ซึ่งเเน่นอนว่าการปลูกกัญชงนั้น ย่อมผิดกฏหมายเเน่นอนในสมัยก่อน
เเต่ท่านผู้อ่านรู้หรือไม่ ว่าจริงๆเเล้วกัญชงนั่นเเทบไม่มีความเเตกต่างกับกัญชาเลย หากดูจากลักษณะภายนอกจากระยะไกลๆ ไม่ว่าจะเป็นลักษณะของลำต้น ใบ ดอก ราก หรือเเม้เเต่เนื้อไม้ ก็เเทบจะเเยกกันไม่ออกเลย อาจกล่าวได้ว่ากัญชงกับกัญชาเป็นพี่น้องฝาเเผดที่คลานต่อกันมาก็ฟังดูไม่น่าผิดอะไร เเต่จริงๆเเล้วกัญชงกับกัญชา มีความเเตกต่างกันในเรื่องลักษณธทางกายภาพเล็กน้อย คือ กัญชงจะมีลำต้นสูงมากกว่า 2 เมตรเมื่อโตเต็มวัย เเต่กัญชาจะมีลำต้นเตี้ยเเละเป็นพุ่ม ใบของกัญชงจะมีลักษณะเป็นเเฉกๆ ประมาณ 7-11 เเฉก เเต่กัญชาจะมีเพียง 5-7 เเฉก ซึ่งหากพิจารณาคุณสมบัติทางเคมีของกัญชงจะพบว่าจะมีสารที่ทำให้เกิดอาการมึนเมา (THC) น้อยกว่า 1 เปอร์เซนต์ เเต่ถ้าหากเป็นกัญชา จะมีปริมาณของสารที่ทำให้มึนเมามากได้ถึง 10 เปอร์เซนต์ เลยทีเดียว
อ่านมาถึงจุดนี้ คุณผู้อ่านคงสงสัยกันเเล้วว่าเเล้วกฏหมายในประเทศไทยที่มีการอนุญาตให้สารมารถเพาะปลูกกัญชงได้นั้น จริงๆเเล้วทางผู้ออกกฏหมายได้มีการประกาศชัดเจนเเล้วว่า ครม.ได้อนุมัติให้กัญชง สามารถปลูกได้ ในพื้นที่ๆกำหนด โดยมีผลตั้งแต่ปี 2560 จำกัดพื้นที่ 6 จังหวัด15 อำเภอ คือ จ.เชียงใหม่ 4 อำเภอ ได้แก่ อ.แม่วาง แม่ริม สะเมิง และแม่แจ่ม จ.เชียงราย 3 อำเภอ ได้แก่ อ.เทิง เวียงป่าเป้า และแม่สาย จ.น่าน 3 อำเภอได้แก่อ.นาหมื่น สันติสุข และสองแคว จ.ตาก เฉพาะที่ อ.พบพระ จ. เพชรบูรณ์ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.หล่มเก่า เขาค้อ และเมือง และจ.แม่ฮ่องสอน ในพื้นที่อ.เมือง สำหรับสายพันธุ์ที่นำมาปลูกได้ต้องมีนั้นจะต้องมีสารออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทหรือสารทีเอชซี ไม่เกิน 1% หากตรวจพบว่าแปลงใดมีต้นกัญชงที่มีสารดังกล่าวเกินจะถือว่ามีความผิด
ชมบทความฉบับอื่นๆได้ที่
Comments